ท้อ หรือ ถอย

วลีที่ว่า "ท้อได้แต่อย่าถอย" เป็นวลีติดปากหนึ่งในหมู่คนไทย คำถามที่น่าสนใจคืออะไรกันแน่ที่ดีกว่าระหว่าง "ท้อได้แต่อย่าถอย" กับ "ถอยได้แต่อย่าท้อ"

Cover for ท้อ หรือ ถอย

1 เวลาอ่าน


วลีที่ว่า “ท้อได้แต่อย่าถอย” เป็นวลีติดปากหนึ่งในหมู่คนไทย วลีนี้(รวมถึงวลีรูปแบบอื่นๆในความหมายเดียวกันเช่น ท้อแต่ไม่ถอย เป็นต้น) เป็นหนึ่งในคำให้กำลังใจหรือปรัชญาการดำเนินชีวิตยอดฮิตโดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นแรงงาน “ท้อได้แต่อย่าถอย” เป็นการเล่นคำในเชิงเปรียบเทียบระหว่างการท้อ นั่นคือการสูญสิ้นกำลังใจ แรงกระตุ้นหรือแรงผลักดัน กับการถอย นั่นคือการยอมแพ้ การย้อนกลับ การหยุดเดินต่อไปข้างหน้า คำถามที่น่าสนใจคืออะไรกันแน่ที่ดีกว่าระหว่าง “ท้อได้แต่อย่าถอย” กับ “ถอยได้แต่อย่าท้อ”

วลี “ท้อได้แต่อย่าถอย” นี้หากมองเผินๆแล้วก็เป็นคำสอนที่ดี อันหมายความว่าคนเราจำต้องมุ่งต่อไปข้างหน้า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะต้องเหนื่อยยากเพียงใด แน่นอนว่าความพยายาม ความมุ่งมั่น ความตั้งใจ สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นปัจจัยสำคัญของการประสพความสำเร็จ เด็กๆทุกคนล้วนแต่ถูกพร่ำสอนว่า “ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น” ให้เห็นถึงคุณค่าของความพยายาม

หากแต่เมื่อมองลึกลงไปแล้ว วลี “ท้อได้แต่อย่าถอย” บ่งถึงความหมายในเชิงเปรียบเทียบว่าการท้อนั่นเป็นสิ่งที่เล็กน้อยหรือเสียหายน้อยกว่าการถอย ว่าคนเราควรจะต้องมุ่งหน้าต่อไปแม้ว่าจะสูญสิ้นถึงกำลังใจหรือเป้าหมาย สิ่งที่เกิดขึ้นมาอาจจะกลายเป็นว่าผู้คนจะทำงานโดยไร้ใจ (work without passion) เปรียบได้ดั่งเหล่าทหารในสนามรบที่สูญสิ้นขวัญและกำลังใจไปแล้ว แต่ก็ยังพยายามเดินหน้าบุกต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง แน่นอนว่าเหล่าทหารเหล่านี้จะได้รับการยกย่องเป็นวีรบุรษผู้เสียสละ แต่หากมองในงานยุทธศาสตร์แล้วนั่นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด

หากเราลองกลับวลีนี้เสียใหม่ให้เป็น “ถอยได้แต่อย่าท้อ” ความหมายที่ได้มานั้นย่อมแตกต่างกัน “ถอยได้แต่อย่าท้อ” สื่อว่าในบางครั้งคราวคนเราก็จำเป็นต้องยอมแพ้ ยอมรับความจริง แล้วถอยหลังกลับมาบ้าง แต่เรานั้นจะต้องไม่หมดสิ้นซึ่งกำลังใจ ความมุ่งมั่น และเป้าหมายของตน แม้ว่าการถอยหลังนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้ความก้าวหน้าของงานหยุดชะงัก แต่หากเรายังไม่ท้อเสียก่อนแล้ว เราก็จะกลับไปใหม่ สู้ใหม่อีกครั้ง การถอยหลังออกมาอาจกลับกลายเป็นโอกาสที่จะได้มองสถานการณ์จากมุมมองใหม่ ให้เราได้เตรียมตัวในความพยายามครั้งใหม่ด้วยแผนการใหม่ เปรียบได้กับแม่ทัพที่สั่งให้ทหารล่าถอยออกมาในขณะเสียเปรียบ เพื่อปรับเปลี่ยนยุทธวิธีในการกลับไปรบใหม่ในภาคหน้า แม้ว่าในการรบครั้งนั้นจะแพ้ แต่มันอาจจะนำมาซึ่งความได้เปรียบในระยะยาวและการชนะสงคราม (lose a battle but win the war)

การ “ท้อได้แต่อย่าถอย” นี้มีการยกตัวอย่างมากมายจากบรรดาผู้ซึ่งประสบความสำเร็จในสาขาอาชีพต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางธุรกิจ มีหลากหลายเรื่องราวเกี่ยวกับคนผู้สู้ชีวิต ดิ้นรนต่อสู้จนประสบความสำเร็จ เรื่องราวโรแมนติกของนักกีฬาที่แม้จะบาดเจ็บแต่ก็ยังโชว์สปิริตในการแข่งขันต่อ พวกเขาท้อที่รู้ว่าไม่มีทางชนะแต่พวกเขาไม่ยอมถอยออกจากการแข่งขัน เรื่องราวของนักธุรกิจที่เริ่มต้นกิจการอย่างยากลำบาก พวกเขาท้อที่ไม่มีลูกค้าแต่พวกเขาก็ไม่ถอยที่จะพยายามหาลูกค้าต่อไป แต่การ “ถอยได้แต่อย่าท้อ” นี้ก็เห็นในบ่อยครั้งเช่นกันในผู้ประสบความสำเร็จในหลายๆสาขาอาชีพ เราจะเห็นได้ถึงนักกีฬาอาชีพบ่อยครั้งที่ประกาศถอนตัวจากการแข่งขัน เพราะพวกเขาประเมินแล้วว่าการฝืนพยายาม ณ จุดนั้นต่อไปจะส่งผลเสียมากกว่าในระยะยาว พวกเขาถอยจากการแข่งขันแต่ไม่ท้อที่จะกลับมาแข่งใหม่ในโอกาสถัดไป นักธุรกิจมากมายที่เริ่มต้นกิจการ ล้มเหลว ปิดกิจการ และเริ่มต้นกิจการถัดไป พวกเขาถอยจากกิจการที่พวกเขาประเมินแล้วว่าไม่คุ้มที่จะฝืนต่อ แต่ไม่ท้อที่จะพยายามทำธุรกิจของตนเอง

นอกจากนั้นแล้ว “การถอย” ก็มีได้หลายระดับ ตัวอย่างเช่นนักกีฬาที่ยอมถอยจากการแข่งขันนัดหนึ่ง แต่ไม่ยอมถอยออกจากเป้าหมายที่จะขึ้นเป็นมือหนึ่งของโลก จะเห็นได้ว่าบางครั้งการถอยจากเป้าหมายระยะสั้นก็กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อรักษาไว้ซึ่งเป้าหมายในระยะยาว การถอยจึงแตกต่างจากการท้อในแง่ที่ว่าการถอยนั้นผูกอยู่กับเป้าหมายรูปธรรมในขณะที่การท้อนั้นผูกอยู่กับเชิงนามธรรม จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะเลือกว่าส่วนไหนควรถอยและส่วนไหนไม่ควร แต่เป็นเรื่องยากกว่ามาก (และค่อนข้างผิดจากธรรมชาติของมนุษย์) ในการเลือกว่าส่วนไหนควรท้อหรือไม่ หากพิจารณาเช่นนี้แล้ว “ถอยได้แต่อย่าท้อ” อาจดูจะจัดลำดับความสำคัญได้ถูกต้องกว่า

จะเห็นได้ว่าหากเราคิดแบบถี่ถ้วนเช่นนี้แล้ว จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าทำไมคำว่า ท้อ และ ถอย จึงอยู่คู่กันในภาษาไทยเสมอมา เพราะว่าทั้งการท้อและการถอยอาจจะนำมาซึ่งความล้มเหลวได้ทั้งคู่ และสิ่งที่เราต้องการในอุดมคติคือการ “อย่าท้อและอย่าถอย” นั่นคือคนเราต้องมุ่งหน้าต่อไปแม้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และจะต้องไม่สูญสิ้นความมุ่งมั่นของตนเอง แต่ในทางปฏิบัติแล้วนั่นช่างเป็นการยากเสียเหลือเกิน

อย่างน้อยแล้วก็ขอให้ทุกท่าน “ท้อได้แต่อย่าถอย” หรือ “ถอยได้แต่อย่าท้อ” ตามแต่สถานการณ์จะอำนวย


แชร์บทความนี้